สวัสดีทุกคน ในวันนี้เล่าให้ฟังจะพาทุกคนมาเปิดโลกแห่งจินตนาการ กับการ์ตูนที่น่าจะมีหลายคนชื่นชอบ และตราตรึงอยู่ในใจทุกคนอย่าง “สตูดิโอ จิบลิ” ( Studio Ghibli หรือ スタジオジブリ) นั่นเอง ซึ่งตอนนี้ทางสตูดิโอจิบลิก็ได้จัด นิทรรศการที่พาการ์ตูนดังจากสตูดิโอมาให้เหล่าแฟนคลับได้เยี่ยมชมกัน แต่ก่อนที่เราจะมาดูไฮไลท์ที่น่าสนใจของงานนี้ เราอยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักและความเป็นมาของสตูดิโอก่อน ว่าทำไมสตูดิโอจิบลิถึงโดดดังมาจนถึงทุกวันนี้ และกว่าจะประสบความสำเร็จ ทางสตูดิโอต้องผ่านอะไรกันมาบ้าง.. ?!
.
พาเปิดโลก Studio Ghibli ในงาน The World of Studio Ghibli's Animation Exhibition Bangkok 2023
.
ความเป็นมาของ Studio Ghibli
สตูดิโอจิบลิ คือ สตูดิโอผลิตแอนิเมชันชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น โดยจุดเริ่มต้นมาจากการพบกันของ ‘ฮายาโอะ มิยาซากิ’ กับ ‘อิซาโอะ ทาคาฮาตะ’ ที่สตูดิโออนิเมชั่น ‘Toei Doga’ ในช่วงปี 1963 โดยในตอนนั้นเอง คุณฮายาโอะยังเป็นแอนิเมเตอร์ฝึกหัด ส่วนคุณทาคาฮาตะเป็นแอนิเมเตอร์รุ่นพี่ ที่เข้ามาทำงานก่อน 4 ปี
.
ในช่วงนั่นเองเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงของการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างมาก ทำให้หลาย ๆ สตูดิโอได้เริ่มผลิตการ์ตูนออกเป็นตอนสั้น ๆ เพื่อฉายทางทีวีแทนโรงภาพยนตร์ ซึ่งในตอนนั้นเองทาง Toei Doga ก็ได้เริ่มผลิตการ์ตูนเรื่อง Wolf Boy Ken (1963) โดยมี คุณฮายาโอะ และคุณทาคาฮาตะ เป็นส่วนหนึ่งของทีมผลิต
.
หลังจากนั้นในปี 20 ปีถัดมา คุณฮายาโอะได้เป็นผู้กำกับในแอนิเมชันเรื่อง Nausicaä of the Valley of the Wind (1984) และคุณทาคาฮาตะเป็นโปรดิวเซอร์ในงานนี้ ซึ่งเรื่องประสบความสำเร็จอย่างสูงมาก จนทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจร่วมตั้งสตูดิโอผลิตแอนิเมชันแห่งใหม่ขึ้นมา นั่นคือ “สตูดิโอจิบลิ” ในวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ.1985 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
.
ที่มาของ Studio “Ghibli”
คำว่า จิบลิ หรือ Ghibli สามารถออกเสียงว่า จิ-บลิ หรือ จิ-บุ-ริ ในภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า ‘ลมร้อนที่พัดผ่านผืนทะเลทรายซาฮาร่า’ ซึ่งเป็นศัพท์ที่นักบินชาวอิตาลีเอาไว้ใช้เรียกเครื่องบินสอดแนมของตัวเองในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งที่คุณฮายาโอะนำมาตั้งชื่อสตูอิโอตนเองเพราะ ความหลงใหลในเครื่องบิน และเป็นการเปรียบเทียบว่า สตูดิโอแห่งนี้จะเป็นเหมือน ‘แรงลมที่พัดกระหน่ำวงการแอนิเมชันญี่ปั่นให้สั่นสะเทือน’ นั่นเอง
.
ผลงานของสตูดิโอจิบลิ
อย่างที่ทราบกันว่า ผลงานก่อนที่จะจัดตั้งสตูดิโอจิบลิ นั่นก็คือ Nausicaä of the Valley of the Wind หรือ มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม ในปี 1984 ที่ได้รายได้ไปกว่า 1480 ล้านเยน หลังจากนั้นผลงานแรกของสตูดิโอจิบลิ คือ Laputa: Castle in the Sky หรือ ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา ในปี 1986 ทำรายได้ไปกว่า 500 ล้านเยน จากนั้นทางสตูดิโอก็ได้สร้างผลงานมากมายตลอดเกือบ 40 ปี โดยผลงานที่น่าประทับใจตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ My Neighbor Totoro หรือ โทโทโร่เพื่อนรัก ในปี 1988 ซึ่งโทโทโร่ก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของสตูดิโอจิบลิอีกด้วย, Sprited Away หรือ มิติวิญญาณมหัศจรรย์ ในปี 2001 ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 396 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ได้รับรางวัลมากมาย รวมไปถึงราชวังออสการ์ ครั้งที่ 75 สาขา Best Animated Feature ซึ่งเป็นอนิเมชันเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์และรางวัลโกลเดนแบร์ ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลินอีด้วย และ Howl's Moving Castle หรือ ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ ในปี 2004 ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 236 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เป็นอีกเรื่องได้ที่รับรางวัลมากมาย ทั้ง Mainichi Film Awards ประเภท ภาพยนตร์ญี่ปุ่นยอดเยี่ยมทุกสาขา, Nebula Award ประเภทบทยอดเยี่ยม เป็นต้น
.
และในปีล่าสุดนี้ ทางสตูดิโอจิบลิได้ประกาศภาพยนตร์อนิเมชันเรื่องสุดท้ายภายใต้การกำกับของคุณฮายาโอะ นั่นคือ ‘How Do You Live’ หรือ ‘The Boy and the Heron’ ซึ่งเข้าฉายแล้วในประเทศญี่ปุ่น วันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเรื่องนี้ไม่มีการประชาสัมพันธ์ใด ๆ ทั้งภาพตัวอย่าง หนังตัวอย่าง รายชื่อนักพากย์ และเรื่องย่อเป็นต้น ทุกอย่างเก็บเป็นความลับหมด เพื่อให้ผู้ชมไปชมด้วยตัวเองทางโรงภาพยนตร์ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีกำหนดเข้าฉายที่ประเทศไทย ต้องรอลุ้นกันว่า ชาวไทยจะได้รับชมกันเมื่อไหร่อีกที
.
เสน่ห์ของ Ghibli คืออะไร
หลายคนคงสงสัยกันว่า … ทำไมสตูดิโอจิบลิที่ก่อตั้งมาตั้งเกือบ 40 ปียังคงทำอนิเมชันที่สามารถครองใจคนดูได้จนทุกวันนี้ได้ อะไรคือ เสน่ห์ของสตูดิโอจิบลิกันนะ?
โดยเสน่ห์ของสตูดิโอจิบลินั่นไม่ใช่เพียงแค่ภาพยนตร์แอนิเมชันอย่างเดียว แต่ผลงานของสตูดิโอถือได้ว่าเป็นงานศิลปะที่ถ่ายทอดผ่านภาพแอนิเมชันที่เต็มไปด้วยจินตนาการ สอดแทรกกับปรัชญาได้อย่างแนบเนียน และเนื้อหาที่สามารถเข้าถึงคนดูได้ที่ทุกยุค ทุกสมัย และทั่วทุกมุมโลก
.
งานนิทรรศการ “The World of Studio Ghibli's Animation Exhibition Bangkok 2023”
ไลฟ์ เนชั่น เทโร ร่วมกับ สตูดิโอจิบลิ และศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ร่วมจัดงานนิทรรศการ THE WORLD OF STUDIO GHIBLI'S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023 พร้อมการปรากฏตัวของ ‘โทโทโร่’ และ ‘คาโอนาชิ’ เพื่อให้แฟน ๆได้เข้าไปสำรวจโลกแห่งจินตนาการกับเหล่าตัวละครในแอนิเมชั่นเรื่องโปรด
.
โดยเนรมิตพื้นที่กว่า 1,890 ตารางเมตรของ centralwOrld LIVE ให้เหมือนยกญี่ปุ่นมาอยู่ที่กรุงเทพมหานครกันเลย โดยไฮไลต์พิเศษเลยคือ “ลาพิวต้า (Laputa)” ปราสาทกลับหัว จากเรื่อง Castle in the Sky ที่จัดแสดงที่กรุงเทพมหานครเป็นที่แรกกันเลย !!!
.
ภายในงานนิทรรศการได้รวบรวม Iconic Scenes สุดประทับใจจากภาพยนตร์แอนิเมชันของสตูดิโอจิบลิ มาเต็มๆทั้ง 10 เรื่อง ได้แก่ My Neighbor Totoro, Howl’s Moving Castle, Spirited Away, KiKi’s Delivery Service, Princess Mononoke, Castle in the Sky, Porco Rosso, Nausicaä of the Valley of the Wind, Ponyo on a Cliff by the Sea และ Pom Poko
.
จุดน่าสนใจภายในงาน
1.เริ่มต้นกันที่ เครื่องบินของ Nausicaä จากเรื่อง Nausicaä of the Valley of the Wind หรือ มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม ซึ่งเป็นเรื่องแห่งจุดเริ่มต้นของสตูดิโอจิบลิ
2.พบกับป้ายรถเมล์ ที่เป็นจุดเริ่มต้นความสำพันธ์ของซะสึกิ จากเรื่อง My Neighbor Totoro หรือ โทโทโร่เพื่อนรัก
3.เดินชมป่าหลังบ้าน เพื่อตามหา โทโทโร่ สัตว์วิเศษผู้พิทักษ์ป่าอันอุดมสมบูรณ์ จากเรื่อง My Neighbor Totoro และช่วยกันตามหาภูตเขม่า หรือ Susuwatari ที่เคยปรากฏตัวครั้งแรกในเรื่อง My Neighbor Totoro กับเรื่อง Spirited Away
4.พบกับปราสาทจากเรื่อง Howl’s Moving Castle หรือ ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ ที่มาตั้งกลางทุ่งร้างต้องคำสาป
5.ฉากจักรยานลอยฟ้า และฉากบอลลูน จากเรื่อง Kiki’s Delivery Service หรือแม่มดน้อยกิกิ
6.สำหรับเรื่อง Spirited Away ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องแรกที่คว้ารางวัลออสการ์ เราจะได้เห็นตั้งแต่ปราสาทคิโยสึกันเลยด้วย
7.พร้อมขึ้นรถไฟส่งวิญญาณที่ให้แฟนๆได้นั่งกับ ‘คาโอนาชิ’ หรือ ‘ภูตไร้หน้า’ จากเรื่อง Spirited Away
8.ขึ้นรถไฟแห่งวิญญาณที่เว้นที่ว่างข้างๆ ไว้ให้แฟนๆ ไปนั่งใกล้ชิดกับ ‘คาโอนาชิ’ หรือ ‘ภูตไร้หน้า’ จากเรื่อง Spirited Away
.
และยังมีฉากน่ารัก ๆ ที่น่าจดจำอีกเยอะมากภายในงาน ซึ่งต้องแอบกระซิบว่า นอกจากความสวยงาม และความเสมือนจริงเท่านั้น แฟน ๆ ยังได้สนุกกับการค้นหา Easter Egg ที่ซ่อนอยู่ในแต่ละฉาก และกิจกรรมล่าแสตมป์ ที่ทุกคนจะได้เก็บตัวปั๊มลายต่างๆของภาพยนตร์อีกด้วย
.
ของที่ระลึก The World of Studio Ghibli's
นอกจากเราจะได้เพลิดเพลินไปกับตัวละคร และฉากสุดน่าประทับใจต่าง ๆ ภายในงานแล้ว ก่อนกลับยังมีโซนของที่ระลึกน่ารัก ๆ ลิขสิทธิ์แท้ ไม่ว่าจะทั้ง แก้วน้ำ สติ๊กเกอร์ ตุ๊กตา ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว กระเป๋า ถุงผ้า ปากกา และดินสอ เป็นต้น รับรองว่าแฟน ๆ จิบลิต้องห้ามพลาดกันเลย
.
ราคาบัตรเข้าชม
มีบัตรเข้าชม 2 ประเภท ได้แก่
1.บัตร VIP ราคา 1,290 บาท เปิดจำหน่ายจำนวนจำกัดในแต่ละรอบชมการแสดง
สิทธิประโยชน์สำหรับแพ็กเกจ VIP
- FAST TRACK สำหรับเข้าชมนิทรรศการและจุดถ่ายรูป
- สูจิบัตรจำนวน 1 เล่ม
2.บัตรทั่วไป ราคา 650 บาท
.
เหล่าแฟนๆ จิบลิ ห้ามพลาดกันเลย สำหรับงาน THE WORLD OF STUDIO GHIBLI'S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023
นิทรรศการเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2023
โดยการเข้าชมจะจัดเป็นรอบ
รอบแรกเวลา 10.00-16.00 น. และ 16.00-22.00 น.
ที่ centralwOrld LIVE ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ซื้อบัตรได้ทั้งหน้างาน และทางออนไลน์ได้ที่ thaiticketmajor.com
.
อ้างอิง
https://www.thaiticketmajor.com/the-world-of-studio-ghiblis/
https://artofth.com/the-beginnings-of-studio-ghibli/
https://adaymagazine.com/ghibli/
https://www.brandage.com/article/35319
https://brandinside.asia/how-do-you-live-ghibli/
หากถ้าคุณอยากได้การจัดงาน #Event แบบเต็มรูปแบบและครบวงจร ในส่วนของระบบลงทะเบียนหน้างาน หรือต้องการทำงาน Trade ในรูปแบบ Business Matching รวมไปถึงงาน Live Streaming และงาน #Virtual ต่างๆ สามารถติดต่อเราได้ที่ ..
🌏Website : www.eventpass.services
📱LINE Official @eventpassservices