MICE นี้มีอยู่ว่า EP.3 : ชวนรู้จักอุตสาหกรรมแฟชั่น(ไม่)ยั่งยืน พร้อมพาส่องนิทรรศการกลางกรุง ‘Fast Fashion ช็อปล้างโลก’

MICE นี้มีอยู่ว่า EP.นี้ เรายังอยู่กับเรื่องการรักษ์โลกเหมือนเดิม ซึ่งครั้งนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักเทรนด์ Fast Fashion ที่กำลังเป็นกระแสอีกครั้ง ถ้าใครรู้จักเทรนด์นี้ ต้องถามทุกคนก่อนว่าเคยตั้งคำถามกันไหม? ว่าเสื้อผ้ากองโตที่มีอยู่ล้นตู้ เคยถูกหยิบออกมาใช้ซ้ำบ้างหรือยัง หรือเคยยืนอยู่หน้าเศษผ้ากองโต แต่กลับบ่นว่า ‘ไม่รู้จะใส่อะไรดี’ พร้อมกับเปิดมือถือ สั่งเสื้อผ้าตัวใหม่กันหรือเปล่า…? ถ้ายังมีพฤติกรรมแบบนี้อยู่ แปลว่าตัวคุณกำลังทำลายโลกอยู่


ชวนรู้จักอุตสาหกรรมแฟชั่น(ไม่)ยั่งยืน 

พร้อมพาส่องนิทรรศการกลางกรุง ‘Fast Fashion ช็อปล้างโลก’


(ขอบคุณรูปภาพจาก - Facebook : Museam Siam)

WHAT IS FAST FASHION?
‘Fast Fashion’ เป็นคำพูดที่ได้ยินมาหนาหู แต่รู้กันหรือเปล่าว่ามันคืออะไร? วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้กับทุกคนเองถ้าจะแปลแบบตรงตัวเลย มันก็คือ แฟชันรวดเร็ว ซึ่งไอ้เจ้าแฟชันรวดเร็วนี้เนี่ย มันคือการที่ผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปตามกระแสนิยมในราคาที่ไม่แพงมาก เพื่อเน้นขายในปริมาณเยอะๆ ในเวลาอันรวดเร็วเอ้า… แบบนี้ก็สะดวกดีนี่ ราคาก็ไม่แพง แถมตามเทรนด์แฟชั่น ‘เร็วแรง’ แซงคนอื่นอีกต่างหาก แล้วมันจะแย่ตรงไหนกันล่ะ?มันก็แย่ตรงที่ ‘เร็ว’ นี่แหละ ลองคิดดูสิว่าการที่มันมาเร็วไปเร็วแบบนี้ ต้องใช้ผ้าและปล่อยก๊าซที่ทำร้ายโลกไปมากขนาดไหนรู้หรือไม่ว่าอุตสาหกรรมแฟชัน ได้ครองตำแหน่งตัวการทำลายสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากอุตสาหกรรมน้ำมันเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น


สำหรับผ้าที่นิยมนำมาใช้ในการผลิต มี 2 ชนิดด้วยกัน นั่นก็คือผ้าฝ้าย และ ผ้าใยสังเคราะห์ และการผลิตเสื้อผ้าจากฝ้าย ก็มีการใช้น้ำสะอาดจำนวนมหาศาล มากถึง 2.6% มาผลิตผ้าฝ้ายต่อปี ทำให้น้ำเหล่านั้นปนเปื้อนสารพิษ ไหลปะปนอยู่กับสิ่งแวดล้อม และสำหรับผ้าใยสังเคราะห์นั้น ผลิตมาจากพลาสติก จึงบอกได้เลยว่า ตั้งแต่การผลิตจนถึงการซัก จะมีไมโครพลาสติกหลุดเล็ดลอดออกมาตลอดทุกกระบวนการ ซึ่งทุกครั้งที่ซักเสื้อผ้าที่มีส่วนผลิตของใยสังเคราะห์ จะปล่อยไมโครไฟเบอร์ประมาณ 700,000 ลงสู่ทะเล สามารถเทียบเท่ากับขวดพลาสติก 50,000 ล้านชิ้น


และเนื่องจากว่าผ้าใยสังเคราะห์มีราคาที่ถูกกว่า จึงมักถูกนำมาใช้ในการผลิตรวมกับผ้าฝ้ายถึง 60% จากเสื้อผ้าทั้งหมดทั่วโลก เพราะฉะนั้น ลองคิดดูสิคะ ว่าจะมีเหล่าพลาสติกขนาดเล็กไหลปนเปื้อนลงสู่ทะเลและมหาสมุทรเป็นจำนวนมากมายขนาดไหน


แถมกระบวนการผลิตเสื้อผ้านั้น บอกเลยว่ามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึง 10% จากปริมาณก๊าซที่ถูกปล่อยออกไปบนชั้นบรรยากาศ และปล่อยปริมาณน้ำเสียอีก 20% ของปริมาณน้ำเสียทั่วโลก


(ขอบคุณรูปภาพจาก : https://elrincondemarinav.blogspot.com/2018/12/fast-fashion-rana-plaza.html)


และอีกเรื่องที่น่าสะเทือนใจของอุตสาหกรรมนี้ ก็คือมีการใช้แรงงานมนุษย์อย่างไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นแรงงานที่ทำงานวันละ 14 – 16 ชั่วโมงแบบไม่มีวันหยุดพัก หรือแม้กระทั่งการใช้แรงงานเด็ก พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นเหยื่อที่โดนกดขี่ให้กับอุตสาหกรรมนี้ทั้งนั้น เพราะถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นจะขับเคลื่อนด้วยพละกำลังของผู้คนเหล่านี้ แต่ช่างน่าเศร้า ที่พวกเขาไม่เคยได้รับค่าตอบแทนที่คุ้มค่ากับการทำงานเลยแม้แต่นิดเดียว ง่ายต่อเรา แต่แย่ต่อโลก มันดีจริงๆหรอ?


มิวเซียมสยาม นำเสนอปัญหาแฟชันผ่าน นิทรรศการ ‘Fast Fashion ช็อปล้างโลก’
มิวเซียมสยามจัดนิทรรศการตีแผ่ด้านมืดของอุตสาหกรรมแฟชัน ที่ว่ากันด้วยเรื่องปัญหา Fast Fashion ในโลกปัจจุบันที่กำลังเป็นประเด็นร้อนทำให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อม ที่จะทำให้เราหันกลับมาตั้งคำถามกับตัวเอง ระหว่าง ‘ความต้องการ’ และ ‘ความจำเป็น’


สำหรับนิทรรศการชุดนี้เตรียมบอกเล่าเรื่องราวในหลากหลายแง่มุม ตั้งแต่ผลกระทบของ ‘Fast Fashion’ ที่เกิดขึ้น ทั้งในด้านธุรกิจแฟชัน สิ่งแวดล้อม การใช้แรงงาน รวมไปถึงบอกวิธีการที่เราจะสามารถช่วยรักษาโลกใบนี้ได้ ผ่านตัวเลือกต่าง ๆ มากมาย


(ขอบคุณรูปภาพ จาก Facebook : Museam Siam)


ไฮไลท์เด็ดของงาน คือผลงานที่ชื่อว่า OverFlow ทั่วท้น ล้นหลาม เป็นผลงานของ วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ มีลักษณะเป็นกองเสื้อผ้าขนาดสูง วางระเกะระกะ ไหลท่วมท้นลงมา ซึ่งตั้งใจให้ผู้เข้าชมผลงาน ได้ตระหนักถึงปริมาณเสื้อผ้าใช้แล้วที่มีมากจนไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ นอกจากนำไปเผาเป็นเชื้อเพลิงเท่านั้น



(ขอบคุณรูปภาพ จาก Facebook : Museam Siam)


โดยในนิทรรศการได้แบ่งออกเป็นสองส่วน สำหรับโซนแรก คือ ห้องช้อปล้างโลก ที่จะนำเสนอปัญหาด้านมืด และข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้แรงงาน หรือผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้เราตระหนักได้ถึงผลเสียของอุตสาหกรรมนี้



(ขอบคุณรูปภาพ จาก Facebook : Museam Siam)


ส่วนโซนที่สอง Slow Fashion ช็อปช่วยโลก จะมีการนำเสนอทางแก้ไข รณรงค์การใช้เสื้อผ้าซ้ำ และการซื้อเสื้อผ้าที่ไม่ใช้วัสุดที่ทำลายสิ่งแวดล้อม


วิธีแก้ปัญหา Fast Fashion

นำเสื้อผ้ามาใส่ซ้ำ

รณรงค์ให้เราทุกคนลดการซื้อแล้วเพิ่มการใส่ซ้ำให้มากขึ้น อาจจะเลือกซื้อเสื้อผ้าที่จำเป็น หรือตัวที่สามารถนำมาแมทซ์ได้หลายๆแบบให้ได้มากที่สุด แบบนี้เราก็อาจจะได้ค้นพบพรสวรรค์การเป็นดีไซเนอร์ในตัวเองก็ได้


ซื้อเสื้อผ้ามือสอง

การซื้อเสื้อผ้ามือสองก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากช่วยลดปัญหา Fast Fashion มีราคาถูก คุณภาพดี อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยอีกด้วย


สนับสนุนแบรนด์ Eco Friendly 

ในปัจจุบันก็มีหลายแบรนด์ที่หันมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงเป็นการดีที่จะมีตัวเลือกการซื้อให้กับเรามากขึ้นเพื่อลดการใช้สินค้า Fast Fashion แล้วเปลี่ยนมาใช้สินค้า Eco Friendly แทน


ใช้บริการร้านเช่าชุด

ปัจจุบันคนในประเทศส่วนใหญ่สนใจการถ่ายรูปตัวเองเช็คอินสถานที่เวลาไปเที่ยวมากๆ ซึ่งก็หนีไม่พ้นการหาเสื้อผ้าที่เข้ากับสถานที่ที่จะไป บางคนก็อยากจะตามเทรนด์แฟชั่น ไม่อยากใส่ตัวเดิมถ่ายรูปซ้ำ การใช้บริการร้านเช่าชุดก็เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบทำคอนเทนต์สุดๆ เพราะไม่ได้เป็นการใช้แล้วทิ้ง แต่เป็นการหมุนเวียนสินค้ากันต่อๆไป ก็ถือว่าเป็นกระบวนการลดการผลิตที่ดีอีกแบบหนึ่ง


เป็นยังไงกันบ้าง หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวด้านมืดและผลกระทบของ Fast Fashion กันแล้ว พอทำให้คุณได้ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมแล้วหันกลับมาใช้เสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ของคุณแบบคุ้มค่าได้บ้างหรือยัง… และสำหรับนิทรรศการ ‘Fast Fashion ช็อปล้างโลก’ สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 3 ธันวาคม 2566 นี้เท่านั้น!



หากถ้าคุณอยากได้การจัดงาน #Event แบบเต็มรูปแบบและครบวงจร ในส่วนของระบบลงทะเบียนหน้างาน หรือต้องการทำงาน Trade ในรูปแบบ Business Matching รวมไปถึงงาน Live Streaming และงาน #Virtual ต่างๆ สามารถติดต่อเราได้ที่ ..

🌏Website : www.eventpass.services

📱 LINE Official @eventpass.services

Share