No Wall (ไร้กำแพง) นิทรรศการศิลปะ ที่ซ่อนนัยยะมากมายผ่านกำแพงที่ไร้ขอบเขต
อีกเป็นหนึ่งนิทรรศการที่อยากให้ทุกคนได้ลองเปิดใจมาชมกันกับ
“No Wall (ไร้กำแพง)” นิทรรศการที่ถ่ายทอดนัยยะสำคัญมากมายไว้ในกำแพง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นทางการเมือง ความหวาดกลัว การปกปิดสิ่งที่อยู่ภายใน สร้างสรรค์ออกมาเป็นกำแพงที่จับต้องไม่ได้ อาจจะดูเหมือนเข้าถึงยาก แต่อยากชวนให้ทุกคนได้มาลองรู้สึกและเข้าใจกับนิทรรศการนี้กันมากขึ้น เพราะมันอาจจะไม่ได้เข้าถึงยากอย่างที่คิด
“No Wall (ไร้กำแพง)”

เจมส์ (วิสิทธิ์ เตชสิริโกศล) คือศิลปินร่วมสมัยชาวกรุงเทพโดยกำเนิดผู้อาศัยและทำงานในจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ถ่ายทอดศิลปะไร้กำแพง ใช้อารมณ์ความรู้สึกจากข้างใน ทำงานแบบด้นสด สื่อสารผลงานศิลปะนามธรรม คล้ายกับงานศิลปะแบบคอนเซ็ปชวล (Conceptual Art) ด้วยกระบวนการคิดในเชิงวิพากษ์ต่อประเด็นทางสังคม และสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการทดลองกับธรรมชาติและปฏิกิริยาทางเคมีของสื่อทางศิลปะ ปัจจัยรายรอบที่ควบคุมชีวิตมนุษย์อย่างระบบทุนนิยม วัฒนธรรม ประเพณี และอำนาจทางสังคมการเมือง สร้างเป็นผลงานศิลปะนามธรรมที่มีเส้นสาย รูปทรง สีสัน ที่สื่อสารถึงประเด็นที่เขาต้องการจะนำเสนออย่างมีนัยยะสำคัญ


“No Wall (ไร้กำแพง)” นิทรรศการเดี่ยวครั้งล่าสุด เป็นผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการได้เห็นกำแพงในรูปแบบต่าง ๆ จากการเดินทางท่องเที่ยวไปหลายประเทศทั่วโลก จึงมองว่ากำแพงสื่อถึงนัยยะสำคัญที่ซ่อนอยู่ในนั้น ทั้งความยิ่งใหญ่ การข่มขวัญ การป้องกัน ความหวาดกลัว ความศรัทธา แต่พอกลับสู่ความเป็นจริงแล้วกำแพงเหล่านี้ก็ถูกสร้างจากแรงงานทาส ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อ ชีวิต จนไปถึงความตาย

ความหลากหลายของสี บวกกับสีสันฉูดฉาด ตัดกับห้องสีดำมืด ๆ ทำให้ภาพโดดเด่นขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่เป็นภาพกำแพงทุกภาพ แต่ไม่เหมือนกันสักภาพ รูปทรงต่าง ๆ ที่ประกอบออกมา ไม่เพียงแค่นั้นลักษณะ พื้นผิวสัมผัสก็ยังแตกต่างกัน บางภาพก็เหมือนอิฐบล็อคเรียงต่อกันธรรมดา บางภาพก็เป็นกำแพงที่เหนือจินตการไปมาก คิดว่า 'ไร้กำแพง' อาจจะหมายถึง กำแพงที่ไม่มีกำแพง เหมือนกับการสร้างสรรค์กำแพงออกมาแบบไร้ขอบเขต ไม่ได้คำนึงถึงกระบวนการการสร้าง หรือความเป็นจริง แต่เป็นกำแพงที่มาจากจินตนาการของศิลปินว่า ณ ขณะนั้นเขากำลังคิดหรือรู้สึกอะไร ก็อิมโพรไวส์ออกมาเป็นชิ้นงาน

สิ่งที่น่าสนใจคือในสมัยเยาว์วัยนั้นเราเคยต่อเลโก้ออกมาเป็นลักษณะคล้ายกับกำแพง พอมองย้อนกลับไปก็จริง คิดมาถึงจุดนี้แล้วก็เมื่อเราเติบโตขึ้น เกิดการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว มีทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไป ความรู้สึกที่ต่างออกไป ถ้าต่อเลโก้ในปัจจุบัน เราจะต่อออกมาเป็นแบบไหน สีเลโก้ของเราจะออกมาเป็นยังไง หรือวัสดุที่ใช้ยังเป็นเลโก้อยู่หรือเปล่า...

มองให้ไกลกว่านั้นกำแพงในแต่ละที่ แต่ละประเทศก็ยังไม่หมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องราวประวัติศาสตร์มากมายก็เกี่ยวกับกำแพงรวมไปถึงประเด็นทางการเมือง สงคราม ความรู้สึก การแบ่งแยก การปิดกั้น ปกป้อง มองในมุมนี้แล้วแม้น้ำเจ้าพระยาในประเทศไทยเอง ก็เคยเป็นกำแพงที่ปกป้องประชาชนจากศัตรูข้างนอก เพราะฉะนั้นแล้วกำแพงก็ไม่ได้สร้างขึ้นมาจากอิฐเสมอไป และไม่จำเป็นต้องตั้งเป็นแนวชันเพียงแค่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้มันเพื่ออะไร

นอกจากนี้ยังได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงฮิตในปี 1979 “Another Brick in the Wall” ในอัลบั้ม The Wall ของพิงค์ฟลอยด์ (Pink Floyd) วงร็อกโปรเกรสซีฟระดับตำนานจากอังกฤษ สะท้อนถึงอำนาจรัฐที่กดขี่และลดทอนความเป็นคน และพูดถึงการเปรียบเทียบคนเสมือนก้อนอิฐก้อนหนึ่งบนกำแพงเท่านั้น หรืออีกนัยหนึ่งอาจหมายถึงทุกคนก็เป็นแค่ก้อนอิฐก้อนหนึ่งบนกำแพง


ภายในนิทรรศการจะเห็นกำแพงในรูปแบบต่าง ๆ ที่ประกอบไปด้วยรูปทรงและสีสันฉูดฉาด เป็นศิลปะนามธรรมที่สื่อนัยยะถึงความยิ่งใหญ่และข่มขวัญคู่ต่อสู้ หรือป้องกัน ปกปิดไม่ให้คนภายนอกเข้าถึง รับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ภายใน ความหวาดกลัวของผู้สร้าง ความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ทางศาสนา ประเด็นการเมืองต่าง ๆ ทัศนติการมองสิ่งรอบตัวที่เปลี่ยนไปเข้าไปอยู่ในกำแพง ทลายกำแพงเดิม ๆ ที่เคยพบมา ทั้งที่หลายคนอาจคิดว่ากำแพงไร้ชีวิต ไร้ความรู้สึก แต่ในนิทรรศการนี้ทำให้รู้ว่ากำแพงเองก็มีความรู้สึก และมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้เหมือนกัน
สามารถชมผลงานศิลปะนามธรรมที่นำเสนอความเป็นกำแพงด้วยการประกอบกันของเส้นสาย รูปทรง สีสัน ผ่านกระบวนการทดลองทางศิลปะอันเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวใน "No Wall" มาลองเปิดใจชมนิทรรศการนี้กันเยอะ ๆ น้าา
No Wall (ไร้กำแพง)
📍 RCB Photographers’ Gallery ชั้น 2, River City Bangkok
🕑 เวลา 10.00 - 20.00
บทความน่าสนใจ


นิทรรศการกรุงเทพฯ ๒๔๒ สะท้อนปัญหากรุงเทพฯ ผ่านผลงานศิลปะมากมาย จากหลากหลายศิลปิน
