เล่าให้ฟัง EP นี้ หลังจาก EP ที่ผ่านมาเราได้พูดคุยเกี่ยวกับ Smart City กัน หลายคนคงได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City กันแล้ว ในครั้งนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่าง ซัมซุง จากประเทศเกาหลี และ หัวเว่ย จากประเทศจีนกัน ว่าทั้ง 2 มีสาขาใหญ่ที่น่าอลังการสมกับความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอย่างไรกันบ้าง
.
เล่าให้ฟัง EP.14 : อาณาจักรของ 2 ยักษ์ใหญ่แห่งผู้นำทางเทคโนโลยี
.
ประวัติของ Samsung
ถ้าพูดถึงประเทศเกาหลีใต้ นอกจากซีรีส์ และศิลปินเค-ป๊อป อีก 1 อย่างที่ทุกคนต้องพูดถึงเลยคือ ‘Samsung’ นั่นเอง
.
SAMSUNG Electronics (삼성전자) เป็น บริษัทเทคโนโลยีอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้ ศูนย์รวมความไฮเทคโลก ผู้พัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สมาร์ทโฟน และอื่น ๆ ด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เลื่องลือ ไหนจะการพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อน จนกลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของโลกอันดับต้น ๆ
.
โดย Samsung ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 โดยสินค้าลอตแรกของ Samsung คือ ทีวีขาวดำ หลังจากที่ทำยอดขายได้อย่างดี ตลอดเวลากว่า 50 ปี ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้คิดค้น วิจัย ออกแบบ ทดลอง และพัฒนาสินค้าออกมาอยู่เรื่อย ๆ และภายในระยะเวลา 10 ปีที่ ‘Samsung’ เริ่มบุกตลาดสมาร์ทโฟนอย่างจริงจังด้วยมือถือตระกูล ‘Galaxy’ จนสร้างความฮือฮากับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ และมีส่วนสำคัญร่วมปฏิวัติอุตสาหกรรมมาโดยตลอด
.
หลายคนคงกำลังคิดอยู่ว่า ทำไม Samsung ถึงได้มีไอเดียใหม่ ๆ ตลอดเวลา สามารถสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมาได้เรื่อย ๆ ดังนั้นต้องกลับมาดูที่พนักงานของซัมซุง ผู้เป็นปัจจัยสำคัญของบริษัทว่า ความเป็นของพวกเขา การใช้ชีวิต สิ่งแวดล้อมในที่ทำงานนั่นมีลมากน้อยอย่างไรกับการทำงานของซัมซังกัน วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูสาขาใหญ่ของซัมซุง ที่เมืองซูวอน ประเทศเกาหลี กัน!!!
.
แนวคิด Employee Centric ในบริษัทซัมซุง
โดยทางซัมซุงเองได้ใช้แนวคิดที่ว่า Employee Centric การมองพนักงานคือหัวใจสำคัญของการทำงาน และเชื่อว่าพนักงานคือกุญแจหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ จึงทำให้เกิดเป็น Samsung Digital City นั่นเอง
.
Samsung Digital City มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 986 ไร่ เทียบเท่าสนามฟุตบอลมากกว่า 250 แห่ง! เพื่อรองรับพนักงานกว่า 32,000 ชีวิต (ประมาณ 10% ของจำนวนพนักงาน Samsung ทั้งหมด) โดยที่นี้มีทั้งสำนักงานใหญ่ อาคารต่าง ๆ ซึ่งนวัตกรรมที่ล้ำสมัยต่าง ๆ ล้วนเกิดจากที่นี้แทบทั้งนั้น นอกจากนี้ทาง Samsung Digital City ให้ความสำคัญกับหนักงานเป็นหลัก ซึ่งสมกับแนวคิด Employee Centric
.
ภายในออฟฟิศหลักจำนวน 4 ตึก ได้แก่ ตึกสมาร์ทโฟน โทรทัศน์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และธุรกิจอื่น ๆ โดยภายในออฟฟิศจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น โรงอาหาร 3-4 โรงใหญ่ ๆ ซึ่งอาหารทั้ง 3 มื้อของพนักงาน จะเป็นสวัสดิการที่ซัมซุงจัดให้ฟรีกับพนักงาน
.
C-Lab แห่ง Samsung Digital City
โดย C-Lab แต่ย่อมาจาก ‘Creative’ ซึ่งเป็นมุมที่เปิดโอกาสให้พนักงานซัมซุงได้ผลิตสตาร์ทอัพและแนวคิดเจ๋ง ๆ โดยจะให้เวลา 3 ปีในการทำผลงานออกมา ซึ่งแล็ปนี้มีได้จัดขึ้นมากว่า 6 ปี โดยมีโปรเจกค์ต่าง ๆ ราว 1,354 โครงการ ซึ่งหากไอเดียหรือโปรเจกต์ไหนที่น่าสนใจ ทางซัมซุงก็จะนำไปพัฒนาต่อเป็นนวัตกรรมในบริษัทต่อไป ทำให้ C-lab เปรียบดั่งแล็ปที่คอยประดิษฐ์นวัตกรรมใหม่ ๆ ตลอดเวลา
.
ภายใน C-Lab นั่น ยังสร้างห้อง Workshop ที่มีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เครื่องไม้ เครื่องมือช่าง และอุปกรณ์ต่างๆในการทำโมเดลโปรเจกต์
.
สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆใน Samsung Digital City
อย่างที่ทุกคนทราบกันว่า การทำงานที่เกาหลีมีการแข่งขันที่สูงมาก โดยเฉพาะองค์กรใหญ่อย่างซัมซุงเอง ก็ต้องแข่งขันเพื่อสรรหานวัตกรรมใหม่ๆ ทำให้พนักงานซัมซังอาจจะเหนื่อยล้า เกิดเป็น Office Syndrom ได้
.
ด้วยสาเหตุนี้เอง ทาง Samsung Digital City จึงจัดให้มีคลินิกและบริการทางการแพทย์ ที่จะให้ความช่วยเหลือต่าง ๆ กับพนักงาน ไม่ว่าจะเป็น การบำบัดทาจิตวิทยา สำหรับผู้ที่มีความเครียดสะสม ความวิตกกังวล จนไปถึงการรักษาโรคพื้นฐานทั่วไป นั่นเอง
.
นอกจากนี้ทาง Samsung Digital City ยังมีฟิตเนส (ที่มีผาจำลอง และซาวน่า) รวมไปถึงสระว่ายน้ำที่มีขนาดใหญ่เท่าโอลิมปิกกันเลย และมีกจกรรมสันทนาการต่าง ๆ ที่จะช่วยให้พนักงานได้ผ่อนคลายจากความเครียดอีกด้วย
.
โดยแนวคิดที่ Employee Centric ที่ให้ความสำคัญกับพนักงาน ทำให้พนักงานในบริษัทได้แสดงศักยภาพของตนเองออกมาได้อย่างเต็มที่นั่นเอง …
.
อาณาจักรแห่ง HUAWEI
ผ่านกันไปแล้วสำหรับอาณาจักรซัมซุง แห่งประเทศเกาหลีใต้ ในส่วนนี้เราจะพาทุกคนมาดูอาณาจักร HUAWEI แห่งประเทศจีนกันบ้าง ซึ่งอย่างที่รู้กันดีว่า ในตอนนี้เอง HUAWEI เองก็มาแรงมาก ๆ ด้วยยอดขาย Smartphone เป็นอันดับ 1 ในปี 2020 เรามาดูกันว่า ประวัติความเป็นมาของหัวเว่ยเป็ยอย่างไรบ้าง?
.
HUAWEI บริษัทโทรคมนาคมสัญชาติจีน มีจุดเริ่มต้นที่ไม่ได้ธรรมดา เพราะผู้ก่อตั้ง Ren Zhengfei เคยทำงานเป็นวิศวะของในกองทัพทหารของจีนมาก่อน ก่อนจะตัดสินใจลาออกมาเพื่อเปิดบริษัทตัวเอง Huawei Technologies Co., Ltd. ในปี 1987
.
ในช่วงต้นของบริษัท HUAWEI เน้นนำเข้าและขายระบบสื่อสารโทรศัพท์จากฮ่องกง แต่ก็ได้พยายามให้วิศวะแกะระบบเพื่อนำเทคโนโลยีมาพัฒนาขายเอง หลังจากนั้นในปี 1996 รัฐบาลและกองทัพจีน ก็เริ่มสนับสนุนการดำเนินงานของ HUAWEI ด้วยนโยบายกีดกีนบริษัทโทรคมนาคมจากต่างประเทศ และเลือกสนับสนุนบริษัทภายในประเทศแทน
.
สำนักงานใหญ่แห่ง Huawei
สำนักงานใหญ่หัวเว่ย ตั้งอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน โดยเซิ้นเจิ้นนับเป็น “Silicon Vallley of China”เพราะเป็นเมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด เป็นศูนย์รวมของบริษัทด้านเทคโนโลยีระดับชั้นนำมากมาย โดยในสำนักงานใหญ่นี้มีพื้นที่ 1,250 ไร่ พนักงานประมาณหลายหมื่นคน และมีการจัดสรรสถานที่พักผ่อน และอาคารสำหรับฝ่ายต่างๆอีก 8 อาคาร !!!
.
เรามาดูกันว่า อาณาจักรแห่งหัวเว่ยจะเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง?
โซนที่ 1 I G1 Exhibition Hall
โดยทาง Huawei เอง ไม่ใช่เป็นเพียงแบรนด์ Smartphone เท่านั้น แต่ยังเป็นเบื้องหลังโครงข่ายโทรคมนาคมมากมาย โดยในโซนที่ 1 หรือ G1 นั่น เราจะได้เห็นเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่หัวเว่ยคิดค้น เป็นนิทรรศการที่ให้คนนอกสามารถเข้ามาศึกษาดูงานได้.
.
ตัวอย่างงานในนิทรรศการ
1.ด้านสาธารณสุข : ทางหัวเว่นเองก็นำเทคโนโลยีมาใช้ในด้านสาธารณสุข โดยในอนาคตเราอาจไม่ต้องไปโรงพยาบาลเพราะเราอยากสามารถใช้เครื่องมือส่งข้อมูลไปให้แพทย์วินิจฉัยได้เลย
2.ด้านการศึกษา : ทางหัวเว่ยได้ใช้ Cloud Service* เพื่อใช้ในการไลฟ์สอนแบบเรียลไทม์ได้อย่างคมชัดมากยิ่งขึ้น
3.ด้านการเงิน : ทางหัวเว่ยได้สร้างเครื่องสำหรับทำธุรกรรมด้วยตนเองเพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น.
*Huawei Cloud Service คือ เทคโนโลยีต่างๆ เช่น การเรียนรู้เชิงลึก การจดจำข้อมูลภาพ และเทคโนโลยี AI
.
โซนที่ 2 I ทะเลสาบ ตงกวน ซงซาน
โดยภายในสำนักงานใหญ่ของ Huawei จะมีทะเลสาบ ที่เป็นที่พักผ่อนหย่อยใจของพนักงานในหัวเว่ยอีกด้วย ที่สำคัญ.. เจ้าหน้าที่บอกว่า หากเราโชคดีอาจจะได้เห็นหงษ์สีดำออกมาพร้อมกัน 3 ตัวกันเลย โดยหงษ์สีดำนั่น มีความหมายว่า การไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย
.
โซนที่ 3 I โรงงานผลิต
เราจะได้เห็นขั้นตอนการผลิต Smartphone ต่าง ๆ การประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ด้วยการประกอบด้วยมือและเครื่องจักรที่ทันสมัย ทำให้เราได้เห็นถึงความมาตราฐานที่ทันสมัยและความประณีตของ Huawei โดยทางหัวเว่ยระบุว่า พนักงาน 26 คน จะสามารถผลิตโทรศัพท์มือถือได้กว่า 2,600 เครื่อง ต่อวัน
.
โซนที่ 4 I ห้อง ทดสอบความอึด ถึก ทนของมือถือ
เป็นห้องปฏิบัติการทดสอบอุปกรณ์ หรือ Testing Lab นั่นเอง มีไว้ทดสอบอุปกรณ์ที่ถูกดีไซน์ออกมาใหม่ ก่อนจะนำไปผลิตจริง ตัวอย่างเช่น ทดสอบการตก, ทดสอบแรงกด, ทดสอบความคงทนของเครื่อง และ ทดสอบการใช้งานหัวต่อ
.
หัวใจหลักของการบริหารงานของ HUAWEI
จากที่เราได้ชมบรรยากาศบางส่วนของสำนักงานใหญ่หัวเว่ยกันไปแล้ว เราจะเห็นว่าการบริหารงานของบริษัทนั้นเป็นระบบไม่ต่างจากบริษัทใหญ่ ๆ ในยุโรปเลย เรามาดู 4 หัวใจหลักของหัวเว่ย (HUAWEI, Beyond Innovation) กันว่ามีอะไรบ้าง ?
.
1.Innovation : หัวเว่ยยึดการวิจัยและพัฒนาสินค้า (R&D) เป็นหัวใจหลัก ให้มีการคิดค้นและตั้งสำนักงานเพื่อการวิจัยไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
2.Quality : ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นต้องได้การรับรองคุณภาพระดับโลก มีสถาบันต่างๆ ที่การันตีเทคโนโลยีที่หัวเว่ยผลิตออกมา
3.Openness : หัวเว่ยเปิดให้พาร์ทเนอร์จากบริษัทต่างๆ มาเข้าร่วมเพื่อพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น
4.Social Responsibility : หัวเว่ยจะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดยจะใช้วัสดุที่รักษ์โลกในการผลิตต่าง ๆ อีกด้วย
.
เป็นไงกันบ้าง หลายคนคงได้รับความรู้มากมายทั้งการบริหารงาน ความทันสมัยของอาณาจักรใหญ่ทั้ง 2 แห่ง ครั้งต่อไป เราจะมาเล่าเรื่องราวอะไรกันต่อ อย่าลืมติดตามกัน
.
.
อ้างอิง
https://thestandard.co/samsung-digital-city/
https://www.beartai.com/article/tech-article/1283975
https://droidsans.com/huawei-us-ban-history-summary/
https://www.mangozero.com/huawei-headquarter/
หากคุณอยากได้การจัดงาน #Event แบบเต็มรูปแบบและครบวงจร ในส่วนของระบบลงทะเบียนหน้างาน หรือต้องการทำงาน Trade ในรูปแบบ Business Matching รวมไปถึงงาน Live Streaming และงาน #Virtual ต่างๆ สามารถติดต่อเราได้ที่ ..
🌏Website : www.eventpass.services
📱LINE Official @eventpassservices